smmagonline-บ๊อช (Bosch) ผูกขาดเป็นพันธมิตรกับมูลนิธิมือต่อมือเพื่อทำซีเอสอาร์ตั้งปีแต่ 2015 โดยให้ความร่วมมือด้านการสนับสนุนเครื่องมือ การก่อสร้างซ่อมแซม การศึกษา ปัจจัยสี่ และส่งเสริมด้านอาชีพเป็นหลัก
ในปี 2019 นี้มูลนิธิมือต่อมือได้เปิดศูนย์ชุมชนโดยให้ชื่อว่าเรือนม่วงมะปราง ที่มีความหมายว่าความอ่อนหวานอ่อนโยน ไว้ที่ ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเป็นที่พักสำหรับผู้ด้อยโอกาสทางสังคมที่มาเป็นครอบครัวและต้องการความช่วยเหลือ
โดยผู้พักอาศัย ณ เรือนม่วงมะปรางจะต้องอุทิศตนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและช่วยเหลืองานประวันวันต่างๆ อาทิ ทำสวน ดูแลเด็กๆ และทำงานบ้าน เป็นต้น
นอกจากนี้ เรือนม่วงมะปรางจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะอาชีพ โดยจะสอนทักษะการอบขนม ทำเฟอร์นิเจอร์ ทำงานไม้ และยังช่วยหางานให้กับสมาชิกของบ้าน เช่น งานพนักงานทำความสะอาดในโรงแรม หรืองานบริกรในร้านอาหารอีกด้วย
โจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ บ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า
“ภารกิจสำคัญที่มูลนิธิมือต่อมือได้ทำแล้วนั้น ตรงกับเจตนารมณ์ของบ๊อชที่มีต่อสังคมซึ่งเป็นค่านิยมหลักขององค์กรในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการมีส่วนร่วมทางสังคมในเชิงรุก นอกเหนือจากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมโดยปกติของบ๊อชแล้ว ผมรู้สึกยินดีอย่างมากที่เห็นพนักงานบ๊อชจากหลายภาคส่วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 100 ปีการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบ๊อช โดยพวกเขาได้แสดงจิตอาสา ทุ่มเทความมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญ เพื่อให้คำปรึกษาแก่ศูนย์ชุมชนแห่งนี้
“เราหวังจะได้เห็นสมาชิกในชุมชนแห่งนี้ พัฒนาทักษะต่างๆ ที่ได้รับจนเชี่ยวชาญ และสามารถสร้างรายได้ให้กับบ้านม่วงมะปรางได้ในที่สุด โดยเมื่อถึงเวลานั้น พ่อแม่จะสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ลูกๆ ละทิ้งการศึกษาหรือครอบครัวต้องแยกกันอยู่ แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาทักษะอาชีพจะช่วยให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถจัดหาการศึกษาที่ดีให้กับลูกๆ และทำให้พ่อแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”
เกี่ยวกับมูลนิธิมือต่อมือ
มูลนิธิมือต่อมือ เล็งเห็นสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ที่พึงมีเท่าเทียมกันในกลุ่มคนทุกวัย ดังนั้น มูลนิธิฯ จึงเสาะหามาตรการในการปกป้องคุ้มครองเด็กกำพร้าและเด็กด้อยโอกาส โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ อายุ หรือศาสนา พร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือด้านเอกสารรับรองทางกฎหมาย การจัดหาอาหาร เครื่องนุ่งห่ม การศึกษา รวมถึงทุนการศึกษาและการรักษาพยาบาล
ปัจจุบัน โรงเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนของมูลนิธิมือต่อมือมีเด็กในความดูแล 35 คน และอีก 75 คนกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนต่างๆ ด้วยทุนการศึกษาจากมูลนิธิฯ นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังก่อตั้ง “ชมรมเพื่อเยาวชน” โดยมีเด็กประมาณ 70 คน เข้าร่วมกิจกรรมในวันหยุดสุดสัปดาห์
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้และอบรมเด็กนักเรียนเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรบริหารท้องถิ่นในการวางนโยบายเพื่อคุ้มครองเด็ก นอกเหนือจากนี้ มูลนิธิมือต่อมือยังมีโครงการเยี่ยมเรือนจำประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์อีกด้วย
ติดตามข่าวธุรกิจการและกลยุทธ์การตลาดได้ที่ นิตยสารเอสเอ็ม และ www.smmagonline.com